วันไหว้พระจันทร์ Moon Festival ( 中秋節 )

เมื่อเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ในคืนที่สว่างไสว เรามักจะเห็น ดวงจันทร์ ดูโดดเด่น เป็นสง่าและช่วยส่องแสงให้ช่วงกลางคืนที่มืดมิด มีชีวิตชีวา ในยุคสมัยก่อนที่ยังไม่มีความเจริญดั่งเช่นทุกวันนี้ ดวงจันทร์จึงมีความสำคัญและบทบาทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนไม่น้อย เราจะเห็นว่า ความเชื่อ เรื่องเล่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ดวงจันทร์ กลับกลายมาเป็น เรื่องราวให้เราได้ฟังกันในปัจจุบันนี้มากมาย จะว่าไปแล้ว มีเรื่องราว และ เรื่องเล่าของดวงจันทร์นี้ในเกือบทุกชาติ เลยนะคะ

พระจันทร์

แต่สำหรับในเดือนนี้ ซึ่งเป็นเดือนของ เทศกาลจงชิว (中秋节) หรือ ที่คนไทยเราเรียกกันว่า วันไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นเทศกาลของชาวจีนที่สำคัญถัดมาจาก เทศกาล สารทจีน ที่เพิ่งผ่านพ้นไป กิ๊ฟกั๊ฟฟ์ ก็มีเรื่องราวของ เทศกาลไหว้พระจันทร์ มาฝากกันเช่นเคยค่ะ ซึ่งเรื่องเล่าเกี่ยวกับดวงจันทร์ของจีนเอง มีหลากหลาย มีทั้งที่เป็นตำนาน เป็นเรื่องเล่า และ เป็นพงศาวดาร กิ๊ฟกั๊ฟฟ์ ขออนุญาต เก็บข้อมูลมาเป็นบางส่วน เล่าให้ฟังคร่าวๆนะคะ

เริ่มต้นที่ สมัยตอนเด็กๆ กิ๊ฟกั๊ฟฟ์ เคยได้ฟังนิทาน เรื่องเล่าของกระต่ายบนดวงจันทร์ ที่ อากง อาม่า เล่าให้ กิ๊ฟกั๊ฟฟ์ ฟังก่อนนอน ตอนนั้นนอนฟังจนหลับไป เป็นนิทานที่น่ารักและสร้างจิตนาการให้เด็กๆได้ดีทีเดียวเชียวค่ะ กิ๊ฟกั๊ฟฟ์ คิดว่าเพื่อนๆ หรือ ผู้ที่กำลังอ่านอยู่ก็คงจะเคยฟังกันมาบ้างแล้ว หรือ บางคนอาจทราบกันดีอยู่แล้ว แต่กิ๊ฟกั๊ฟฟ์ขออนุญาตเผื่อไว้สำหรับคนที่ยังไม่ทราบ ในเรื่องราวของกระต่ายบนดวงจันทร์ที่ กิ๊ฟกั๊ฟฟ์ เกริ่นไว้ ถ้าหากสนใจเรามาฟังกันไปด้วยกันเลยค่ะ

กระต่ายหยก ในตำหนักจันทร์ ทู่ เอ๋อร์ เย๋ (兔儿爷)

เรื่องราวของกระต่ายตัวนี้ ชาวจีน และ คนไทยเชื้อสายจีน จะรู้จักในนามของ เทพองค์หนึ่ง คือ "ทู่ เอ๋อร์ เย๋" (兔儿爷) ซึ่งแปลว่า "เทพกระต่าย" ซึ่งเทพองค์นี้มาจากเทพนิยาย "กระต่ายหยกในตำหนักจันทร์" ของจีนนั่นเองค่ะ

มีตำนานที่เล่ากันต่อๆมา ย้อนหลังกลับไปนานแสนนาน ที่เมือง ปักกิ่ง เกิดโรคระบาดหนัก เกือบทุกที่มีผู้ติดเชื้อ จะรักษาอย่างไรก็ไม่หาย ผู้คนมากมายล้มตาย เทพธิดาฉางเอ๋อ ซึ่งอยู่บนดวงจันทร์ ได้มองลงมาเห็น ก็รู้สึกเศร้า สลดใจ จึงได้ส่งกระต่ายหยกที่เลี้ยงเอาไว้ข้างกาย ซึ่งปกติกระต่ายหยกตัวนี้ จะทำหน้าที่ตำยาอยู่บนดวงจันทร์ ให้ลงมารักษาโรคให้ชาวบ้าน

ทู่ เอ๋อร์ เย๋ (兔儿爷)
ภาพ ทู่ เอ๋อร์ เย๋ (兔儿爷)
เทพกระต่าย
ภาพ ทู่ เอ๋อร์ เย๋ (兔儿爷)

เมื่อลงมายังโลก กระต่ายหยก ได้ทำการเนรมิตรกายตัวเองให้เป็นหญิงสาว ออกเดินไปตามที่ต่างๆ และ รักษาผู้คนที่เจ็บป่วยเหล่านั้น ให้หายจากโรค เมื่อผู้คนที่เจ็บป่วยหายจากโรค ก็อยากตอบแทน กระต่ายหยก โดยให้เป็นสิ่งของ ทรัพย์สิน เงินทอง แต่กระต่ายหยกไม่ยอมรับสิ่งของตอบแทนใดๆเลย กระต่ายหยก จะพลางตัวไปเรื่อยๆ บางครั้งแต่งตัวเป็นชาย บางครั้งแต่งเป็นคนขายของ บางทีก็ปลอมตัวเป็นหมอดู เรียกว่าพลางตัวไปไม่ซ้ำกันเลยทีเดียวค่ะ

และในระหว่างการเดินทางเพื่อรักษาผู้คน กระต่ายหยก ก็จะเดินทางโดย ขี่สัตว์ชนิดต่างๆ เช่น ม้า, สิงโต, กวาง, เสือ และสัตว์ชนิดต่างๆ โดยสัตว์ที่เป็นพาหนะของกระต่ายหยกนั้นก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆเช่นกันค่ะ กล่าวได้ว่า กระต่ายหยก ลงมาช่วยผู้คนโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนเลยสักนิดก็ว่าได้นะคะ และเมื่อกำจัดโรคภัยให้ชาวเมืองเสร็จเรียบร้อย กระต่ายหยก ก็กลับขึ้นไปยังวังจันทรา เพื่อไปอยู่กับ เทพธิดาฉางเอ๋อ เช่นเดิม

兔儿爷
ภาพ ทู่ เอ๋อร์ เย๋ (兔儿爷)
ทู่ เอ๋อร์ เย๋ (兔儿爷) ขี่สัตว์ต่างๆ
ภาพ ทู่ เอ๋อร์ เย๋ (兔儿爷) ขี่สัตว์ต่างๆ

ผู้คนที่ได้รับการรักษาต่างซาบซึ้ง เพื่อแสดงความขอบคุณต่อกระต่ายหยก นับแต่นั้นมาชาวบ้านจึงได้กราบไหว้บูชากระต่ายหยก โดยนับถือเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง และ นำดินเหนียวมาปั้นเป็น รูปเทพเจ้ากระต่าย เพื่อระลึกถึง กระต่ายหยก โดยมีความหมายทางความเชื่อว่า ตุ๊กตาที่ปั้นเป็นเทพเจ้ากระต่าย ที่มีรูปร่างแตกต่างกันก็จะมีความหมายแฝงที่ต่างกัน เช่น "ตุ๊กตาเทพเจ้ากระต่ายขี่กิเลน เป็นสัญลักษณ์ของผู้รอบรู้", "เทพเจ้ากระต่ายขี่เสือ สื่อถึงกิจการเจริญรุ่งเรือง", "เทพเจ้ากระต่ายขี่น้ำเต้า เป็นสัญลักษณ์ของความสุข และ วาสนา" ส่วนตุ๊กตาดินเหนียวนี้เอง ยังกลับกลายมาเป็นของเล่นของเด็กๆอีกด้วยนะคะ ไหนๆ มีการกล่าวถึง "เทพธิดาฉางเอ๋อ" แล้วเรามารู้จัก เทพธิดา องค์นี้กันสักนิดดีมั้ยค่ะ

เทพธิดาฉางเอ๋อ เหินสู่ดวงจันทร์ (嫦娥奔月)

สำหรับเรื่องราวของเทพธิดาฉางเอ๋อ มีเรื่องราวเล่ากันมาว่า นางเป็นเทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์ ซึ่งเป็นหญิงที่มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามมาก เมื่อใดที่นางเต้นรำ ความอ่อนช้อยและความงดงามของนาง ไม่มีผู้ใดที่จะไม่หลงใหลนางได้เลย

嫦娥
ภาพวาด เทพธิดาฉางเอ๋อ (嫦娥)
เทพธิดาฉางเอ๋อ
ภาพวาด เทพธิดาฉางเอ๋อ (嫦娥)

ฉางเอ๋อ (嫦娥) เป็นคนรักของ โฮ่วอี้ (后羿) ซึ่งเป็นนักรบผู้เก่งกล้าทางด้านการยิงธนู ฝีมือการยิงธนูแม่นยำราวกับจับวาง ในยุคนั้น มีดวงอาทิตย์ขึ้นพร้อมๆกันถึง 10 ดวง เค้าได้ใช้ธนูของเค้ายิงดวงอาทิตย์ตกลงไปถึง 9 ดวง ทำให้เหลือดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียว (บางเรื่องเล่าพูดถึง "โฮ่วอี้" ว่าเค้าเก่งถึงขนาดที่ว่า ใช้ธนูแค่เพียงดอกเดียว ยิงดวงอาทิตย์ตกลงไปได้ถึง 9 ดวงเลยค่ะ) การกระทำของเค้านั้น ถือว่าผิดต่อกฎสวรรค์ ทำให้เค้าต้องถูกเนรเทศลงโทษให้กลายเป็นมนุษย์ และ ส่งไปอยู่บนโลกมนุษย์ พร้อมกับ "ฉางเอ๋อ" เมื่ออยู่บนโลกมนุษย์ ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข มีผู้คนมากหน้าหลายตาต่างมาขอร่ำเรียนวิชาการต่อสู้จาก "โฮ่วอี้" และฝากตัวเป็นศิษย์ "โฮ่วอี้" ก็สอนศิลปะการต่อสู้ให้แก่ผู้คน แต่เรื่องราวก็ไม่ได้จบเพียงแค่นั้นนะคะ

โฮ่วอี้
ภาพวาด โฮ่วอี้ (后羿) ยิงดวงอาทิตย์

ค่ำวันหนึ่ง มีการจัดงานเลี้ยงรอบกองไฟ "ฉางเอ๋อ" ซึ่งกำลังมีความสุขกับงานเลี้ยง เต้นรำ โบกสบัดไปมาอย่างสนุกสนาน ก็พลันฉุกคิดขึ้นมาว่า "ถ้าหากเราจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนกับ เมื่อก่อนที่เคยทำ เราไม่สามารถที่จะทำได้อีกแล้ว เพราะเราไม่ใช่ผู้วิเศษอีกแล้ว ตอนนี้เราเป็นมนุษย์ เราคงมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน" เมื่อเกิดความคิดเช่นนั้น จึงทำให้ "แม่นางฉางเอ๋อ" เกิดความรู้สึกเศร้า และ เสียใจ ซึ่งเรื่องราวนี้ อยู่ในสายตาของ "โฮ่วอี้" ตลอด ทำให้เค้ารู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุ ทำให้ "ฉางเอ๋อ" ต้องมาหกเหิน ตกระกำลำบากด้วย

จนกระทั่งวันหนึ่ง ก็มีเสียงร่ำลือพูดถึงเกี่ยวกับ "ยาอายุวัฒนะ" มาถึงหูของ "โฮ่วอี้" เค้าดีใจมาก นับเป็นข่าวที่เป็นความหวังให้กับเค้า "โฮ่วอี้" คิดว่าจะสามารถแก้ไขความผิดพลาดนั้นกับ "ฉางเอ๋อ" ได้ ข่าวลือนั้นกล่าวถึง "ยาอายุวัฒนะ" ที่ผู้ใดได้กินเข้าไปเพียง 1 เม็ด จะมีชีวิตที่เป็นอมตะ และ ถ้าหากกิน 2 เม็ด ผู้นั้นจะสามารถลอยขึ้นไปบนฟ้าได้ทันที เมื่อได้ยินดังนี้ "โฮ่วอี้" ไม่รอช้า เค้ารีบออกเดินทางเพื่อเสาะแสวงหา "ยาอายุวัฒนะ" ที่ว่า เค้าเดินทางฝ่าภยันตรายมากมาย แต่ด้วยความพยายามและความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว แน่วแน่ของเค้า จนกระทั่งวันหนึ่งเค้าก็ได้พบกับ "เจ้าแม่ซีหวัง" (西王母) ที่เป็น เจ้าของยาอายุวัฒนะ ในที่สุด

 เจ้าแม่ซีหวังหมู่ (西王母) หรือ เทพมารดาตะวันตก
ภาพวาด เจ้าแม่ซีหวังหมู่ (西王母) หรือ เทพมารดาตะวันตก
 เจ้าแม่ซีหวังหมู่ (西王母) หรือ เทพมารดาตะวันตก
ภาพวาด เจ้าแม่ซีหวังหมู่ (西王母) หรือ เทพมารดาตะวันตก

เมื่อโฮ่วอี้ เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กับ "เจ้าแม่ซีหวัง" (西王母) ทราบ เจ้าแม่ซีหวังรู้สึกซาบซึ้ง อีกทั้งยังเห็นใจ กับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งเจ้าแม่เองก็รู้จุดประสงค์ที่เขามาหาอยู่แล้วตั้งแต่ต้น จึงมอบ ยาอายุวัฒนะ ให้กับเค้า เมื่อได้ยามาแล้ว "โฮ่วอี้" จึงรีบนำยากลับไปให้ "ฉางเอ๋อ" ทั้งคู่ตกลงกันว่า จะเลือกวันที่เป็นมงคล และ แบ่งยาอายุวัฒนะ ที่ได้มานั้นกินกันคนละ 1 เม็ด เพื่อที่ทั้งคู่จะได้เป็นอมตะ และอยู่ครองรักด้วยกันตลอดไป แต่ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้างทั้งคู่ เมื่อ "เผิงเหมิ่ง" ลูกศิษย์ของ "โฮ่วอี้" มาได้ยินเข้าพอดี เจ้าลูกศิษย์คนนี้ จึงเริ่มคิดแผนการร้าย เพราะอยากได้ยาวิเศษนี้

ถึงวันประจวบโอกาศเหมาะของ "เผิงเหมิ่ง" ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 เมื่อ "โฮ่วอี้" ออกไปล่าสัตว์ "เผิงเหมิ่ง ศิษย์ทรยศ" ก็ถือมีดมาที่ห้องของ "แม่นางฉางเอ๋อ" และ บังคับให้นางส่งยานั้นให้เขา "ฉางเอ๋อ" รู้ดีว่าไม่สามารถ สู้กับ "เผิงเหมิ่ง" ได้ ด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง "ฉางเอ๋อ" จึงหยิบยาอายุวัฒนะทั้งสองเม็ดนั้นเข้าปากและกลืนลงไปทันที

ฉางเอ๋อ เหินสู่ดวงจันทร์
ฉางเอ๋อ เหินสู่ดวงจันทร์
ฉางเอ๋อ เหินสู่ดวงจันทร์
ภาพวาด แม่นางฉางเอ๋อ เหินสู่ดวงจันทร์

ในทันทีที่ยาวิเศษนั้นหลุดลงลำคอของนาง ก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น ในทันที ทันใดนั้น ร่างกายของ "ฉางเอ๋อ" ก็เริ่ม เบาขึ้นๆ และ ค่อยๆ ล่องลอยออกห่างจากพื้นดิน "ฉางเอ๋อ" นางตกใจมาก แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ร่างของนาง ลอยขึ้นๆ ลอยขึ้นไป จนกระทั่งถึงดวงจันทร์

"โฮ่วอี้" เมื่อกลับมาถึงและทราบเรื่องราว เค้าออกตามหา "เผิงเหมิ่ง" ด้วยความโกรธแค้น แต่ทว่า "เผิงเหมิ่ง" ได้หนีหายไปเสียแล้ว "โฮ่วอี้" ได้แต่เศร้าโศก เสียใจ เค้าคิดถึงเป็นห่วง "ฉางเอ๋อ" ผู้เป็นภรรยาของเขา แต่เขาก็ทำได้เพียง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างสิ้นหวัง ยามเมื่อถึงเวลากลางคืน เขาเหม่อมองดูแสงจันทร์ของดวงจันทร์ ที่อยู่แสนไกล เฝ้าแต่ระลึกนึกถึงคนรักที่อยู่บนนั้น ความคิดถึงและเป็นห่วง "ฉางเอ๋อ" แม้จะมีมากมายเพียงใด แต่ก็ทำได้เพียง จัดโต๊ะขึ้นในสวน นำเครื่องหอม และผลไม้ที่ "ฉางเอ๋อ" ชอบไปตั้งไว้เพื่อเป็นการระลึกถึง

ดวงจันทร์

"โฮ่วอี้" ทำอย่างนี้ทุกๆปี จนกระทั่ง ชาวบ้านทราบเรื่องราวต่างก็รู้สึกเศร้าใจ สะเทือนใจ และ ซาบซึ้งกับความรัก ความผูกพันของคนทั้งคู่ ชาวบ้านจึงร่วมกันจัดโต๊ะเซ่นไหว้ เพื่อระลึกถึง "แม่นางฉางเอ๋อ" ในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ของทุกๆปี

ต่อมาเมื่อกาลเวลาเลยผ่าน ล่วงไป ก็เกิดมีเรื่องเล่า ที่สอดคล้องและอ้างอิง "เทพธิดาฉางเอ๋อ" (嫦娥) โดยเรื่องราวกล่าวถึง จักรพรรดิฮั่นเหวินตี้ (汉文帝) แห่งราชวงศ์ฮั่น" ด้วยนะคะ

จักรพรรดิฮั่นเหวินตี้ (汉文帝) กับ "เทพธิดาฉางเอ๋อ (嫦娥)"

เรื่องราวดังกล่าวอ้างถึง จักรพรรดิฮั่นเหวินตี้ (汉文帝) เมื่อพระองค์ทรงนอนหลับและทรงพระสุบิน (ทรงฝัน) ว่าพระองค์ลอยขึ้นไปบนดวงจันทร์ ซึ่งบนดวงจันทร์นั้น มีพระราชวัง และ พระองค์เห็นหญิงสาว (เทพธิดาฉางเอ๋อ 嫦娥) ผู้มีรูปร่างสวยงาม ทำการร่ายรำอย่างอ่อนช้อย ในพระสุบินแห่งความฝันนั้น พระองค์ทรงมีความสุขเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเมื่อพระองค์ทรงตื่นจากพระบรรทม (ตื่นนอน) ก็ยังทรงเห็นภาพความฝันนั้นอยู่ จึงทรงรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบ เทพธิดาฉางเอ๋อ (嫦娥) ที่พระองค์ได้พบเจอมา

จักรพรรดิฮั่นเหวินตี้
ภาพวาด จักรพรรดิฮั่นเหวินตี้
เทศกาลไหว้พระจันทร์
ภาพวาด เทศกาลไหว้พระจันทร์

จากนั้นเป็นต้นมา การร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาฉางเอ๋อก็แพร่หลายไปสู่ราษฎร จนกระทั่งกลายเป็นประเพณีมาตั้งแต่บัดนั้น โดยหญิงสาวชาวจีนในยุคนั้น จะนิยมสวดขอพรจาก เทพธิดาฉางเอ๋อ เพื่อให้มีความเยาว์วัย สวยสด และ งดงามตลอดไป เปรียบประดุจเฉกเช่นดั่งแม่นางฉางเอ๋อ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เป็นยังไงกันบ้างค่ะ กับ เรื่องราวของ แม่นางฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ที่เป็นเรื่องเล่าขานสืบทอดกันมายาวนานกับเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับการ ไหว้พระจันทร์ แต่ถ้าจะว่ากันจริงๆ เรื่องราวของ เทพธิดาฉางเอ๋อ เป็นเรื่องเล่าที่มีความหลากหลาย และ ไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเท่าไหร่ ตรงนี้ กิ๊ฟกั๊ฟฟ์ คิดว่าคงขึ้นอยู่กับความชอบและความเชื่อของแต่ละคน นั่นเองค่ะ

สำหรับเรื่องราวของวันไหว้พระจันทร์เอง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ ถ้าหากยังไม่เบื่อกันก่อน เราไปดูความเป็นมาเพิ่มเติม วันไหว้พระจันทร์ ในพงศาวดารของจีน ที่ กิ๊ฟกั๊ฟฟ์ คิดว่า น่าจะเป็นต้นกำเนิดเรื่องราวของ ขนมไหว้พระจันทร์ และ เป็นวันกอบกู้เอกราชของชาวจีนในยุคนั้นด้วยค่ะ ถ้าสนใจ กดที่นี่ ได้เลยนะคะ

ขอขอบคุณ

ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย, หนังสือ และ วารสารต่างๆ ฯลฯ

ภาพประกอบจาก วิกิมีเดียคอมมอนส์, pixabay,pxhere

เรียบเรียงโดย GibGub Shop / ร้าน กิ๊ฟกั๊ฟฟ์